วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Opuntia macrorhiza





Opuntia macrorhiza


ชื่อวิทยาศาสตร์ Opuntia macrorhiza
ชื่อสามัญ "Plains Prickly Pear" และ "Twist-spine Prickly Pear."

สามารถพบได้ในสหรัฐอเมริกา จากเท็กซัสถึงมินนิโซตา รวมทั้งยังพบได้ในทะเลทรายและเทือกเขาร็อกกี้จากรัฐแอริโซนาถึงไอดาโฮ

สายพันธุ์ Opuntia macrorhiza เจริญเติบโตในที่แห้ง ดินทรายหรือทรายกรวด มันเป็นสายพันธุ์ที่เตี้ยเมื่อเทียบกับกระบองเพชรในสกุลเดียวกัน มันมีความสูงไม่ถึง 30 ซม. เท่านั้น เจริญเติบโตในแนวนอน ดอกมีสีเหลืองฉูดฉาด ผลไม้มีสีแดงฉ่ำและกินได้

ในปัจจุบันมีการศึกษาเพิ่มเติมว่าสายพันธุ์นี้ควรที่จะยังคงถูกยอมรับว่าเป็นสายพันธุ์หรือไม่ หรือมันเป็นเพียงสายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์อื่นเท่านั้น



     

ที่มา
Wikipedia. (2557). Opuntia macrorhiza. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Opuntia_macrorhiza

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Opuntia macrocentra





Opuntia macrocentra



ชื่อวิทยาศาสตร์ : Opuntia macrocentra
ชื่อสามัญ : Long-spined purplish prickly pear, Purple prickly pear, black-spined pricklypear, long-spine prickly pear, purple pricklypear และ redeye prickly pear.

เป็นแคคตัสที่พบในทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ต่ำกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาและทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเม็กซิโก สายพันธุ์ Opuntia macrocentra นี้มีความโดดเด่นมากในสกุลของ Opuntia เนื่องจากมันมีลำต้นสีม่วง

กระบองเพชรพันธุ์ Opuntia macrocentra มีการเจริญเติบโตที่ช้า เกิดขึ้นตามพื้นดิน อาจพบได้ตามโขดหินหรือทุ่งหญ้าในหุบเขา

Opuntia macrocentra จะเจริญเติบโตแบบตั้งตรงและจะแตกยอดและแผ่ออกด้านข้าง เมื่อโตเต็มที่อาจสูงถึง 1 เมตร มันมีดอกขนาดใหญ่ ดอกมีสีเหลืองและสีแดง ผลมีสีแดงเข้ม เนื้อของผลสามารถรับประทานได้

แผ่นลำต้น (Pads)
ต้นกระบองเพชรจะประกอบไปด้วยแผ่น(Pads)กลมรูปหยดน้ำซึ่งเชื่อมต่อกันไปเรื่อย ๆ แต่ละแผ่นมีความยาวประมาณ 10-20 ซม. มีหนามซึ่งจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ

ดอก (Flowers)
ดอกของแคคตัส Opuntia macrocentra จะมีขนาดใหญ่ มีสีสดใส ดอกมีสีเหลืองและสีแดง มักออกดอกในช่วงปลลายฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม) ดอกจะบานช่วงกลางวันและจะหุบในเวลากลางคืน ดอกจะบานเพียง 1 วันเท่านั้น

ผล (Fruits)
ถ้าดอกไม้ได้รับการผสมเกสร มันจะกลายมาเป็นผล ซึ่งมีรูปทรงไข่สีแดง และจะกลายเป็นสีม่วงสดใสเมื่อผลสุก




ที่มา
Wikipedia. (2557). Opuntia macrocentra. จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Opuntia_macrocentra

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Opuntia littoralis





Opuntia littoralis


แคคตัส Opuntia littoralis มีชื่อเรียกอื่น ๆ คือ coastal prickly pear และบางครั้งก็เรียกว่า sprawling prickly pear เนื่องจากมันมีลำต้นที่สั้นและนิสัยการเจริญเติบโตใกล้พื้นดิน "Littoral" หมายถึง "ที่เกี่ยวข้องกับชายทะเล"

Opuntia littoralis มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียและบาจาแคลิฟอร์เนีย

แคคตัสมีหลายลักษณะ มันมีหลากหลายสายพันธุ์ย่อย และมักพบลูกผสมที่ลักษณะใกล้เคียงกัน

โดยทั่วไปกระบองเพชร Opuntia littoralis จะเจริญเติบโตเป็นพุ่มที่หนาแน่น กว้างได้ถึง 3 เมตร ลำต้นที่เป็นทรงหยดน้ำยาวประมาณ 20 เซนติเมตร มีหนามปกคลุมทั่ว หนามอาจยาวถึง 4 เซนติเมตร มีดอกสีเหลืองอ่อนหรือสีอแดง ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ผลมีสีแดง-ม่วง ขนาดประมาณ 5 เซนติเมตร ผลของมันสามารถรับประทานได้



      


ที่มา
actus-thai.blogspot.com/2015/06/opuntia-littoralis.html

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Opuntia chaffeyi



Opuntia chaffeyi



แคคตัส Opuntia chaffeyi

กระบองเพชร Opuntia chaffeyi มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศเม็กซิโก อาศัยอยู่ตามทะเลทรายร้อน ปัจจุบันถูกคุกคามที่อยู่อาศัย

การแพร่กระจายของสายพันธุ์นี้ไม่กว้างขวางนัก (ขอบเขตของการแพร่กระจายสายพันธุ์ ประมาณ 63 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ถิ่นกำเนิดมีเพียงประมาณ 12 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น)

ปัจจุบันกระบองเพชรสายพันธุ์นี้ลดน้อยลงมาก เนื่องจากพื้นที่ที่เคยอาศัยถูกใช้เลี้ยงวัวและพัฒนาเพื่อใช้ในการเกษตร




ที่มา
http://cactus-thai.blogspot.com/2015/06/opuntia-chaffeyi.html

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Opuntia phaeacantha





Opuntia phaeacantha



กระบองเพชร Opuntia phaeacantha

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Opuntia phaeacantha
ชื่อสามัญ : tulip prickly pear, desert prickly pear, plateau prickly pear, brown-spined prickly pear, Mojave prickly pear, และ Kingman prickly pear.

พบได้ทั่วตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาและภาคเหนือของเม็กซิโก

กระบองเพชร Opuntia phaeacantha เป็นไม้พุ่มหนาแน่น ต้นมีสีเขียว มีหนามเยอะ หนามสีแดงเข้มหรือเทา หนามมักจะยาวกว่า 3 ซม.

โดยปกติดอกจะมีสีเหลืองและมีสีแดงอยู่ตรงกลางดอก ผลของมันสามารถนำมารับประทานได้ ผลมีสีแดงฉ่ำหรือม่วง


     



ที่มา
http://cactus-thai.blogspot.com/2015/06/opuntia-phaeacantha.html

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Mammillaria deherdtiana





Mammillaria deherdtiana


แคคตัสดอกสวย พันธุ์ Mammillaria deherdtiana
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
ชื่อสามัญ :
เป็นกระบองเพชรขนาดเล็ก สูงเพียง 2.5 ซม. กว้างเพียง 1.8 ซม. มีขนแข็งปกคลุมทั่วลำต้น ขนนี้ยาว 3 ถึง 5 มม. สีแดงหรือน้ำตาลเข้ม ดอกมีขนาดใหญ่ถึง 5 ซม. มีสีชมพูอ่นที่สวยงาม กลีบดอกเป็นรูปหอก ขอบกลีบอาจเป็นสีเขียว ออกดอกในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน

สถานที่ที่กระจายพันธุ์
ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก (พื้นที่หลักในการกระจายพันธุ์), อเมริกากลาง, ทิศตะวันตกเฉียงเหนือโคลัมเบีย, เวเนซุเอลา


       


ที่มา
http://cactus-thai.blogspot.com/2015/06/mammillaria-deherdtiana.html

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Mammillaria dioica



Mammillaria dioica


ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mammillaria dioica
ชื่อสามัญ : strawberry cactus, California fishhook cactus, strawberry pincusion หรือ fishhook cactus และ biznaga llavina (ภาษาสเปน)
พบแคคตัสสายพันธุ์นี้ได้ที่ทะเลทรายโคโลราโด (และที่อื่น ๆ)
หนามส่วนใหญ่มีสีขาวและเป็นเส้นตรง แต่มีบางจุดที่หนามเป็นสีดำและมีปลายที่โค้ง
มันเป็นพืชที่เติบโตแบบเดี่ยว ๆ ออกดอกช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิถึงกลางฤดูร้อน ดอกมีขนาด 1 ถึง 3 ซม.
ผลมีสีแดงสด รูปไข่ สามารถรับประทานได้ มันมีเมล็ดขนาดเล็กสีดำ
สายพันธุ์ย่อยของ Mammillaria dioica
Mammillaria dioica subsp dioica
Mammillaria dioica subsp angelensis
Mammillaria dioica subsp estebanensis

   


ที่มา
http://cactus-thai.blogspot.com/2015/06/mammillaria-dioica.html

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Mammillaria duwei

    


Mammillaria duwei


    Mammillaria duwei เป็นกระบองเพชรท้องถิ่นของเม็กซิโก มันมีสีเขียวเข้ม ผิวปกคลุมไปด้วยหนามสีขาว ดอกมีสีเหลือง ออกดอกในฤดูร้อน
        สายพันธุ์นี้เป็นพืชที่ถูกคุกคามที่อยู่อาศัย ซึ่งประกาศโดย IUCN
กระบองเพชรพันธุ์นี้เจริญเติบโตในที่สูง เช่น บนภูเขาไฟหรือภูเขาหินที่มีความสูง 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
ในปี ค.ศ. 1753 มันถูกตั้งชื่อเป็นครั้งแรก โดย Carolus Linnaeus
ในปี ค.ศ. 1985 แคคตัสสายพันธุ์ Mammillaria duwei ถูกอธิบายและตีพิมพ์ในหนังสือ ชื่อ Kakteen und andere Sukkulenten โดย Rogoz. & Appenz.



     




ที่มา


Wikipedia. (2557). Mammillaria duwei. 
 http://es.wikipedia.org/wiki/Mammillaria_duwei









วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Lophophora

       


Lophophora

      แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่เพียง 2 ชนิด แต่มีหลากหลายสายพันธุ์ชื่อสกุล L0phophora มาจากภาษากรีก หมายถึง การผลิตดอกออกผลที่ส่วนยอด ( crest – bearing ) ลักษณะลำต้นเป็นทรงกลม อ่อนนุ่ม สีเหลืองซีดจนถึงสีเขียวอมฟ้า ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 – 13 เซนติเมตร มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ และเป็นกลุ่ม เป็นระบบรากสมบูรณ์ลำต้นเป็นสัน 5 – 13 สัน ตุ่มหนามเป็นปุย สีขาว อยู่ห่างกันเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ไม่มีหนาม ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลืองครีม และสีชมพู จะมีเส้นสีเข้มตรงกลางตามความยาวของกลีบดอก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.25 – 2.5 เซนติเมตร จะเกิดดอกบริเวณยอดที่มีสีขาวปกคลุมผลมีลักษณะยาว รี ค่อนข้างเล็ก เมื่อแก่จะเป็นสีขาว สีชมพู หรือสีแดงภายในจะมีเมล็ดอยู่ 2 – 3 เมล็ด
     แคคตัสในกลุ่ม Lophophora มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนกลางของประเทศเม็กซิโกและทางตะวันออกเฉียงหนือของประเทศสหรัฐอเมริกาเช่น ในรัฐเท็กซัส สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเหนียวหรือดินทรายโตช้า แต่ให้ผลได้ง่าย สามารถออกดอกภายในเวลา 5 – 6 ปี

      


ที่มา 
https://sites.google.com/site/krabxngphechrcactus/home/skul-khxng-krabxng-phechr/7-lophophora

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Mammillaria






Mammillaria



       แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่เพียง 2 ชนิด แต่มีหลากหลายสายพันธุ์ชื่อสกุล L0phophora มาจากภาษากรีก หมายถึง การผลิตดอกออกผลที่ส่วนยอด ( crest – bearing ) ลักษณะลำต้นเป็นทรงกลม อ่อนนุ่ม สีเหลืองซีดจนถึงสีเขียวอมฟ้า ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 – 13 เซนติเมตร มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ และเป็นกลุ่ม เป็นระบบรากสมบูรณ์ลำต้นเป็นสัน 5 – 13 สัน ตุ่มหนามเป็นปุย สีขาว อยู่ห่างกันเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ไม่มีหนาม ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลืองครีม และสีชมพู จะมีเส้นสีเข้มตรงกลางตามความยาวของกลีบดอก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.25 – 2.5 เซนติเมตร จะเกิดดอกบริเวณยอดที่มีสีขาวปกคลุมผลมีลักษณะยาว รี ค่อนข้างเล็ก เมื่อแก่จะเป็นสีขาว สีชมพู หรือสีแดงภายในจะมีเมล็ดอยู่ 2 – 3 เมล็ด
      แคคตัสในกลุ่ม Lophophora มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนกลางของประเทศเม็กซิโกและทางตะวันออกเฉียงหนือของประเทศสหรัฐอเมริกาเช่น ในรัฐเท็กซัส สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเหนียวหรือดินทรายโตช้า แต่ให้ผลได้ง่าย สามารถออกดอกภายในเวลา 5 – 6 ปี


     


ที่มา
https://sites.google.com/site/krabxngphechrcactus/home/skul-khxng-krabxng-phechr/8-mammillaria

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Thelocactus





Thelocactus


      แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่ประมาณ 25 ชนิด และอีกหลากหลายสายพันธุ์ Thelocactus มาจากภาษากรีก หมายถึง แคคตัสหัวนม ( nipple cactus ) มีลักษณะทรงกลมถึงทรงกระบอก สีเขียวถึงสีเทาอาจจะขั้นอยู่เป็นกลุ่มหรือเป็นต้นเดี่ยวๆ ก็ได้ โครงสร้างของพูกลีบมีลักษณะเป็นหัวย่อยๆ มากมาย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร และสูงประมาณ 25 เซนติเมตร ลำต้นเป็นสัน 20 สัน ตุ่มหนามมีลักษณะทรงกลมหรือรูปไข่ มักมีปุยสีขาวหรือสีครีมปนอยู่ด้วยประกอบไปด้วยหนามข้างค่อนเล็กและแข็งแรงปานกลาง มักขึ้นแผ่กระจายแนบขนานไปกับลำต้น ประมาณ 25 อัน แต่ละอันยาวมากกว่า 3 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางเข็งแรงกว่าหนามข้าง มีหลาลักษณะ เช่น ตรง โค้งงอ หรืออ้วน และมีหลายสี เช่นสีขาว สีเหลือง สีแดงและสีดำ มีอยู่ประมาณ 1 – 4 อัน ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีแดง สีม่วงแดง มี ลักษณะบานแผ่ออกกว้าง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 – 7 เซนติเมตร ส่วนผลมีลักษณะทรงกลมหรือรูปไข่ เมื่อแก่จะแห้งและแตกออก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร
      แคคตัสสกุล Thelocactus มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเม็กซิโกทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตช้า แต่ปลูกเลี้ยงง่าย ชอบดินที่มีการระบายน้ำดีปานกลาง ในช่วงฤดูร้อนและฤดูฝนจะชอบน้ำมาก แต่ควรงดให้น้ำในช่วงฤดูหนาวเพื่อให้สามาตรทนต่ออุณหภูมิต่ำได้


    


ที่มา
https://sites.google.com/site/krabxngphechrcactus/home/skul-khxng-krabxng-phechr/13-thelocactus

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Melocactus cactus





Melocactus cactus


         แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่มากมายกว่า 60 ชนิด ชื่อสกุล Melecactus มาจากภาษากรีกว่า Melos ( Melon ) หมายถึง รูปทรงของต้นที่เป็นทรงกลมแป้นหรือทรงการะบอก มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ หรือชึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อต้นเจริญเติบโตเต็มที่จนถึงระยะผลิตดอกออกผลจะเกิดปุยนุ่มที่เรียกว่า cephalium ที่บริเวณยอดของต้น ซึ่งดอกและผลก็จะเกิดขึ้นในบริเวณนี้ด้วย แคคตัสในสกุลนี้มีลำต้นสูงประมาณ 10 – 20 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง เป็นสันประมาณ 9 – 20 สัน มีตุ่มหนามรูปไข่ขนาด 2.5 เซนติเมตร ประกอบไปด้วยหนามข้างที่มีลักษณะโค้งงอ แนบขนานไปกับนำต้น ประมาณ 8 – 15 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 1.25 7.5 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางยื่นตรงออกมาจากลำต้น มีอยู่ประมาณ 1 – 5 อัน และยาว 2 – 9 เซนติเมตร
ทั้งหนามกลางและหนามข้างแข็งแรงมาก ยกเว้นชนิดที่มีหนามสั้นซึ่งหนามมักอ่อนและละเอียด สีหนามมีหลายสี เช่น สีขาว น้ำตาลออกแดงเข้ม และดำ บริเวณ cephalium ประกอบด้วยขนสีขาวหรือสีอื่นๆ และอาจมีหนามแข็งสีต่างๆ ได้ด้วยดอกมีสีออกโทนม่วงแดง มักออกเป็นวงและฝั่งจมอยู่ใน cephalium มีขนาดยาวประมาณ 1.25 – 3.75 เซนติเมตร โดยความยาวของดอกซ่อนอยู่ใน cephalium ผลมีลักษณะยาวเป็นทรงไม่พลอง ยาวมากกว่า 2.5 เซนติเมตร เมื่อแก่จะมีสีชมพูถึงสีแดงแจ่มจ้า บางครั้งผลก็จะจมอยู่ใน cephalium ไม่ปรากฏออกมาให้เห็น แคคตัสสกุล Melocactus พบมากที่สุดในบริเวณตอนใต้ของหมุ่เกาะเวสต์อินดีส ทางตอนใต้ของประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกาและบราซิล ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในหลายๆ พื้นที่และหลายๆ สภาพแวดล้อม จะใช้เวลาประมาณ 5 – 10 ต้นจึงจะสร้าง cephalium แต่ถ้าเป็นชนิดที่ต้นมีขนาดเล็กอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ในช่วงฤดูร้อนมีความต้องการน้ำมาก แต่ควรงดให้น้ำในช่วงฤดูหนาว

       


ที่มา
http://cactus-thai.blogspot.com/search/label/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Obregonia cactus





Obregonia cactus


      แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่เพียงชนิดเดียว คือ Obregonia denegrii ซึ่งได้รับการค้นพบในปี พ.ศ. 2468 ชื่อสกุล Obregonia ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีของประเทศเม็กซิโก คือ Alvaro Obregon ลักษณะลำต้นเป็นทรงกลม มีจุดเด่นคือ เป็นกลีบหนา สีเขียว ปลายงอนแหลม เรียงหงายซ้อนกันเป็นชั้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 15 เซนติเมตร และมีขนาดฐานกว้างถึง 2.5 เซนติเมตร ตุ่มหนามอยู่บริเวณปลายกลีบ มีปุยนุ่มสีขาว ประกอบไปด้วยหนาม 4 อัน แต่ละอันยาวมากกว่า 1.5 เซนติเมตร ดอกจะเกิดบริเวณปุยนุ่มตรงกลางยอดของต้น มีสีขาวหรือสีชมพูซีด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร ส่วนผลมีสีขาวหรือสีชมพูซีด ขนาดเล็ก เมื่อแห้งจะแตกออก

      แคคตัสกลุล Obregonia มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางแถบตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเม็กซิโก ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยเมล็ด ชอบขึ้นใต้ร่มเงาของต้นไม่จำพวก xerophyte เจริญเติบโตค่อนข้างช้า ของดินที่มีการะบายน้ำดี ชอบร่มเงา ถ้าต้นได้รับแสงมากเกินไปจะแดงและชะงักการเจริญเติบโต


   


ที่มา
http://cactuspopular.webiz.co.th/products/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3/Obregoniacactus/

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Ariocarpus cactus





Ariocarpus cactus


       มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 8 ชนิดกับอีก 2-3 สายพันธุ์ ชื่อสกุล Ariocarpus ซึ่งหมายถึงผลของแคคตัสสกุลนี้นั้นเอง ลักษณะของแคคตัสในสกุลนี้ส่วนใหญ่จะมีลำต้นขนาดเล็ก ( เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 – 15 เซนติเมตร) มักจะขึ้นเป็นต้นยาวๆ หรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ต้นอาจเตี้ยจนมีมีผิวด้านบนเสมอกับพื้นดิน แคคตัสสกุลนี้บางชนิดจะมีเนินหนามซึ่งอาจยาวได้ถึง 5 เซนติเมตร เช่น Ariocarpus tri gonus บางชนิดก็มีขนเป็นปุยนุ่มอยู่ที่ซอกเนินหนามซึ่งเป็นบริเวณที่ออกดอกแต่จะมีบางชนิดที่ออกดอกบริเวณยอดของต้น ดอกมีลักษณะเป็นรูปกรวย ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 – 5 เซนติเมตร ดอกมักมีสีขาวหรือสีครีม มีบางชนิด เช่น Ariocarpus lotschoubeyanus มีดอกสีชมพูหรือสีม่วงแดง ผลมีลักษณะเป็นทรงการะบอก ยาวประมาณ 1.25 – 2.5 เซนติเมตร แคคตัสสกุล Ariocarpus นี้ มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโกและทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกาแคคตัสสกุลนี้เจริญเติบโตช้า และจะเจริญเติบโตได้ดีตามหินหรือทรายที่สามารถระบายน้ำได้ทนแสงแดดจัดได้ดีแคคตัสสกุลนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด และอีกหลายสายพันธุ์

      

ที่มา
http://www.cactus-art.biz/schede/ARIOCARPUS/Ariocarpus_kotschoubeyanus/Ariocarpus_kotschoubeyanus_elephantidens/Ariocarpus_kotschoubeyanus_elephantidens.htm

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Astrophytum cactus





Astrophytum cactus


      แคคตัสสกุลนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด และอีกหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Astrophytum มาจากภาษากรีก แปลว่าพืชดาว ลำต้นอ้วนกลม หรือเป็นทรงการบอก บางชนิดอาจมีความสูงถึง 1 เมตร เช่น Astorphytum ornatum ลำต้นแข็ง บางชนิดจะมีปุยหรือเกล็ดสีขาวปกคลุมอยู่ บริเวณลำต้นมีสันต้น 5- 9 สัน อาจมีหนามหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ตุ่มหนามมีลักษณะเป็นปุยสีขาวคล้ายสำลี หนามกลางและหนามข้างมีขนาดใกล้เคียงกัน จึงไม่สามารถแยกได้ชัดเจนนัก หนามมีขนาดยาวประมาณ 3 – 10 เซนติเมตร แคคตัสสกุลนี้ออกดอกเป็นรูปกรวย บริเวณตอนกลางด้านบนของต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 – 9 เซนติเมตร สีของดอกส่วนมาก จะอยู่ในโทนสีเหลือง แต่อาจจะมีสีอื่นๆผสมอยู่ในดอกเดียวกัน เช่น กลีบอกสีเหลือง บริเวณโคนกลีบและกลางดอกอาจจะเป็นสีส้มหรือสีแดง เป็นต้น ลักษณะผลเป็นทรงกลม มีขนาด 2.5 เซนติเมตร บางชนิดผลจะมีหนามปกคลุมคล้ายกับต้น เมื่อผลแก่เต็มที่จะแตกออกทางด้านโคน ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แคคตัสสกุล Astophytum มีถิ่นกำเนิดแถบตอนกลาง ตอนเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศเม็กซิโก ยกเว้น Astrophytum asterias ซึ่งมีถิ่นกำเนิดมาจากแถบตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา แคคตัสสกุลนี้สามารถเจริญเติบโตได้ที่ระดับความสูงกว่า 2100 เมตร และเจริญเติบโตได้ในหลายพื้นที่ เช่น ระหว่างซอกหินทะเลทราย หรือใกล้กับไม้พุ่มจำพวกซีโรไฟต์ ( xerophytic bushes) ออกดอกว่าย โอยส่วนใหญ่ ใช้เวลา 3 – 6 ปี ก็จะได้ดอก และสามารถเพราะจากเมล็ดได้

     


ที่มา
http://cactuspopular.webiz.co.th/products/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3/Astrophytumcactus/

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Corypantha cactus





Corypantha cactus



         แคคตัสในสกุลนี้ประกอบด้วย40ชนิดและหลายสายพันธุ์ชื่อCorypantha มาจากภาษากรีก หมายถึง ยอด และ ดอก รวมแล้วหมายถึง ตำแหน่งการออกดอกบนต้น ทรงต้นมีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งที่เป็นทรงกลมขนาดใหญ่ และเล็ก ทรงกระบอก ทรงแท่งเล็ก ความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร อาจพบขึ้นอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือเป็นต้นเดี่ยวกลุ่มที่มีอายุหลายปีอาจมีอยู่รวมกันถึง 50 หัวหรือมากกว่านั้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอาจยาวถึง 65 เซนติเมตร เช่น Corypantha recurvata ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของรัฐแอริโซนา พบว่ามีถึง 200 หัว ตุ่มหนามมีลักษณะทรงกลมหรือรูปไข่ ประกอบด้วยหนาม 30 อัน ในลักษณะกระจาย หนามยาว 2.5 เซนติเมตร มีสีสันมากมายหลากหลายตั้งแต่สีเหลือง สีชมพู สีส้ม จนถึงสีม่วงแดง บางชนิดกลีบดอกจะมีลักษณะเป็นรอยหยักเล็กๆ ที่ปลายกลีบ ผลมีลักษณะเป็นรูปไข่ขนาดเล็ก ยาวถึง 5 เซนติเมตร เมื่อแก่จะเป็นสีเขียวจนถึงโทนสีแดง แคคตัสสกุล Corypantha มีถิ่นกำเนิดอยู่ในหลายแห่ง ทั้งทางเหนือสุดของรัฐอัลเบอร์ตาในประเทศแคนาดา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา และในประเทศเม็กซิโก พบได้ที่ระดับความสูง 2000 เมตร บางชนิดเช่น Corypantha vivipara นั้น พบได้ในหลายสภาพพื้นที่ เช่น ทางตอนเหนือที่อากาศหนาวเย็นของรัซอัลเบอร์ตาในเขตทุ่งหญ้า และบริเวณป่า แคคตัสในสกุลนี้ปลูกเลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ได้ทั้งเพราะเมล็ดและตัดแยก บางครั้งพบว่าหัวที่งอกใหม่นั้นมักมีรากงอกติดอยู่ด้วยในฤดูร้อนและฤดูฝนจะชอบน้ำมาก แต่ถ้างดให้น้ำในฤดูหนาวจะช่วยให้ทนต่อ อุณหภูมิต่ำได้ดี


    



ที่มา
http://cactus-thai.blogspot.com/search/label/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Discocactus cactus





Discocactus cactus



      แคคตัสสกุลนี้มีอยู่ไม่เกิน 20 ชนิด เจริญเติบโตได้ช้า มักขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ ทรงกลมแป้น เมื่อต้นมีอายุมากขึ้นอาจจะแตกหน่อหรือกิ่งก้านได้ ต้นมีหลายสี ตั้งแต่สีเขียวอ่อน สีเขียวอมน้ำตาล และสีม่วงเข้ม ต้นเป็นสัน 10 -25 สัน และมีตุ่มหนามเป็นปุยนุ่ม ประกอบด้วยหนามข้าง 5 – 20 อัน แต่ละอันยาวประมาณ 3 เซนติเมตร หนามทั้ง 2 ชนิด สามารถจำแนกออกจากกันได้อย่างชัดเจน หนามมีหลายสี ตั้งแต่สีขาว สีเหลือง สีน้ำตาล จนถึงสีดำ แคคตัสสกุล Discocactus มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศบราซิล โบลิเวีย และปารากวัย การนำต้นไปเพาะเลี้ยงที่อื่นนอกถิ่นกำเนิดนั้นมักจะนิยมเพาะต้นจากเมล็ดมากกว่าการนำต้นที่โตแล้วไปเลี้ยงเพราะต้นจะตายได้ง่าย แคคตัสสกุลนี้เจริญเติบโตได้ดีในดินทรายที่มีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ บางครั้งอาจจะใช้ดินผสมก็ได้ แต่ต้องมีการระลายน้ำที่ดี ต้นไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสได้

        


ที่มา
http://cactuspopular.webiz.co.th/products/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3/Discocactuscactus/

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Echinocactus cactus






Echinocactus cactus



          แคคตัสสกุลนี้มีอยู่มากกว่า 10 ชนิด ต้นมีทรงกลมถึงทรงกระบอก อาจขึ้นเป็นต้นเดี่ยวหรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม บางชนิดมีขนาดใหญ่มาก อาจมีความสูงถึง 1.8 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 1 เมตร ผิวต้นมีสีเขียวอมห้า เนื้อเยื่อชั้น epidermis ( เนื้อเยื่อชั้นนอกสุดของสิ่งมีชีวิต ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ชั้นอื่นๆ ) แข็งแรงมาก ช่วยป้องกันอันตรายจากแสงแดดที่ร้อนแรงได้ดี ตอนกลางด้านบนของต้นจะมีปุยสีขาวถึงสีเหลื่องปกคลุมลำต้นเป็นสัน 8 – 50 สัน มีตุ่มหนามอยู่ห่างกันเห็นได้ชัดเจน ประกอบด้วยหนามช้างที่ตรงหรือโค้ง แผ่กระจายออกมาจากตุ่มหนาม แต่บางชนิดอาจแนบชิดไปกับผิวต้น มีความแข็งแรงมาก ประมาณ 5 – 12 อัน ยาวมากกว่า 5 เซนติเมตรและมีหนามกลางที่แข็งกว่ายื่นตรงออกมาจากต้น 1 – 4 อัน ยาวประมาณอันละ 5 – 10 เซนติเมตร สีหนามมีตั้งแต่สีขาว สีชมพู สีเหลืองทองจนถึงสีดำ ดอกออกเป็นวงรอบยอดของต้นซึ่งมีปุยนุ่ม ส่วนชนิดที่ต้นมีขนาดใหญ่จะออกดอกเป็นวงรอบส่วนบนของต้น ดอกมีหลายสี แต่ส่วนมากอยู่ในโทนสีเหลือง ยกเว้น Echinocactus horizonthalonius ซึ่งมีดอกสีชมพูจนถึงสีม่วง ดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6.25 เซนติเมตรหลอดดอกมีลักษณะเป็นปุยนุ่ม เมื่อบานจะแผ่กว้างออก ผลมีสีเหมือนกับส่วนปุยนุ่มบนต้น ผิวภายนอกมีลักษณะเป็นขนหรือปุยนุ่มปกคลุมเมื่อแก่เต็มที่จะแห้ง แคคตัสสกุล Echinocactus มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนกลางและทางเหนือของประเทศเม็กซิโก และทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา มักพบอยู่ตามบริเวณที่เป็นหินหรือพุ่มไม้ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดได้ดี เจริญเติบโตเร็ว โดยเฉพาะ Echinocactus grusonii แต่มีบางชนิด เช่น Echinocactus horizonthalonius และ Echinocactus polycephalus นั้น จะเจริญเติบโตช้า หากเกิดจากการเพาะเมล็ดเมื่อต้นยังเล็ก ควรระวังอันจรายจากอุณหภูมิต่ำและควรงดให้น้ำเมื่อถึงฤดูหนาว






ที่มา
http://cactuspopular.webiz.co.th/products/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3/Echinocactuscactus/